Loading

 

เรื่องง่าย แต่...ทำยาก

อิสลาม...เป็นศาสนาที่อัลลอฮฺทรงคัดสรรมาเป็นของกำนัลแด่มวลมนุษย์ชาติ ซึ่งมีหลักการที่ครอบคลุมทุก วิถีชีวิตของผู้ที่ยอมจำนนต่อครรลองนี้ ผู้ที่นำคำสั่งสอนของอิสลามมาปฏิบัติจะเป็นประโยชน์สูงสุดแก่ตัวผู้ปฏิบัติและผู้คนรอบข้าง และสิ่งที่อัลลอฮฺทรงห้าม แน่นอนว่าสิ่งนั้นจะเป็นโทษแก่ผู้ปฏิบัติและคนที่อยู่รายล้อม 

อิสลามได้ให้ความสำคัญในทุกเรื่องราว ตั้งแต่เรื่องเล็กสุดเท่า อะตอม จนกระทั่งถึงเรื่องใหญ่อย่าง เรื่องปรมาณู จักรวาล อิสลามมีคำตอบ ในทุกๆคำถาม  บอกตั้งแต่วิธีการเข้าออกห้องน้ำ  จนถึงวิธีการทำญิฮาด

          อิสลามสนับสนุน ส่งเสริม การแสวงหาปัจจัยยังชีพ จะด้วยการทำธุรกิจค้าขาย แต่..ไม่เอารัดเอาเปรียบหรือฉ้อโกง

          อิสลามประณามระบบดอกเบี้ย ถือว่าเป็นการทำธุรกรรมทางการเงินที่อธรรม

     อิสลามได้บอกไว้ทุกเรื่องราวอย่างละเอียด ไม่ละเลยเรื่องเล็กๆน้อยๆ ความดีงามที่ทำได้โดยไม่ต้องลงทุน            ในศาสนาอิสลามไม่ใช่มีแต่เรื่องหนักๆ เรื่องยากๆ เป็นเรื่องใกล้ตัวที่ใครหลายๆคนทำไม่ได้ ไม่ใช่บทบัญญัติที่ถูกสั่งมาเพื่อคนชรา สูงอายุ แต่...เป็นบทบัญญัติสากลโลกเพื่อผู้คนทุกหมู่เหล่า ทุกเพศทุกวัย เหมาะสมในทุกเวลาสถานที่

อิสลามพูดถึงเรื่องการทำฮัจญ์ ถือศีลอด จ่ายซะกาต แต่ก็ไม่ได้ละเลยที่จะพูดถึงเรื่องเบาๆ เช่น เรื่องความรัก ความเอื้ออาทร

หลายคนพอพูดถึงเรื่องอิสลามรู้แต่ว่าเป็นเรื่องสาหัสสากรรจ์ยากต่อการปฏิบัติ คนหนุ่มสาวไม่เคยรู้มาก่อนว่าอิสลามมีเรื่องเบาๆ เรื่องของความรักอันอบอุ่น บางเรื่องสามารถทำได้โดยไม่ต้องมีพิธีกรรม หรือว่าพวกเขาเห็นอิสลามเพียงด้านเดียวเท่านั้น!!

            ที่เคยรู้จักอิสลาม เฉพาะเรื่องมะหมาด ถือศีลอด..

            ผู้หญิงที่สัมผัสได้ก็เฉพาะการแต่งกายอยากมิดชิด..

            เราลองมารู้จักอิสลามในอีกมุมมองหนึ่ง..

            อิสลามที่ไม่หนักเกินจะนำมาปฏิบัติได้

            อิสลามที่เป็นศาสนาของคนทุกเพศวัย ทุกยุคทุกสมัย..

            อิสลามคือวิถีของผู้ศรัทธา

        เรื่องง่ายๆ...ทำได้โดยไม่ต้องลงทุน  เรื่องง่ายๆ...ที่ผู้คนส่วนใหญ่ไม่สนใจทำ

(1) การยิ้ม...ถือเป็นคุณสมบัติอย่างหนึ่งที่ถูกประดับไว้บนใบหน้า ของมนุษย์ อยู่ที่ว่าใครจะใช้ไปอย่างไร ? การยิ้ม...เป็นทั้งศาสตร์ และศิลป์

ศาสตร์ที่ว่า เป็นเรื่องที่ต้องเรียนรู้ ยิ้มแล้วได้บุญ ยิ้มแล้ว สร้างความปิติให้แก่ผู้ที่พบเห็น ส่วนศิลป์ ยิ้มอย่างไม่มีเล่ห์นัย ยิ้มไปพร้อมสร้างมิตรภาพอันดีงาม อิสลามไม่ลืมแม้กระทั่งเรื่องเล็กเยี่ยงนี้.!            ผู้นำแห่งความดีงาม มนุษย์ผู้ประเสริฐสุดแห่งโลกดุนยา ดั่งพจนารถท่านศาสดา มูฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ความว่า “การที่ท่านยิ้มแย้ม ให้แก่พี่น้องของท่านเป็นศอดาเกาะฮฺ” ท่านรอซูลเป็นผู้ที่สร้างความอบอุ่นให้แก่ผู้ที่พบเห็น ท่านมิเคยละเลยที่จะหยิบยื่นเรื่องเล็กๆ นี้แก่บรรดาศอฮาบะฮฺ ทุกครั้งหลังละหมาดท่านจะตรวจสอบถามข่าวคราวพวกเขา หากใครไม่มาละหมาด ท่านจะถามหาแล้วไปเยี่ยม ทั้งเป็นคำพูดและการกระทำท่านทำไว้แล้ว

ที่เหลือก็พวกเรา ได้ใช้มันให้ได้รับความดีหรือยัง ?

(2) ความเมตตาอาทร...คุณลักษณะอีกอย่างที่ก่อให้เกิดขึ้นในหัวใจคือการสร้างให้มีความเมตตาปราณี เอื้ออาทร หยิบยื่นเสียสละเรื่องเล็กๆน้อยๆ ตรงนี้เราจะแยกออกเป็น 2 ประเภท

          2.1 เมตตาต่อสิ่งมีชีวิต อิสลามเป็นศาสนาที่ถูกส่งมาเพื่อแผ่ความเมตตา แก่มวลมนุษย์ชาติดั่งคำดำรัสของพระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก ความว่า “เรามิได้ส่งเจ้ามาเพื่ออื่นใด นอกจากเพื่อเป็นความเมตตาแก่บรรดามนุษย์ชาติทั้งหลาย” (อัลอัมบิยาอ์ 107)  ตัวอย่างในประวัติศาสตร์อันหอมกรุ่น ถูกบันทึกไว้หลายแผ่นกระดาษด้วยกัน ภาพลักษณ์ซึ่งท่านรอซูลุลลอฮฺ ศ็อลฯ ได้ฉายภาพให้พวกท่านเห็น

เสี้ยวหนึ่งของประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ ขณะที่ท่านรอซูลเรียกร้องสู่อิสลาม มีหญิงชราตาบอดนางหนึ่ง ด้วยความโกรธเกลียดท่านรอซูล ถึงขนาดย้ายบ้านจากในเมืองมักกะฮฺ ไปพำนักอยู่ตีนภูเขานอกเมือง ท่านรอซูลหาโอกาสไปเยี่ยมนางเป็นประจำ โดยนำอาหารเครื่องดื่มไปให้ด้วย โดยที่นางไม่รู้ว่าเขาผู้นั้นคือใคร ? อยู่มาวันหนึ่ง ท่านไม่ได้ไปเยี่ยม นางเฝ้ารอด้วยความทุกข์ใจเพราะกลัวว่าเขาจะเป็นอะไรไป ต่อจากนั้นท่านรอซูลสั่งท่านอบูบักร์ให้ไปเยี่ยมแทน เมื่อได้ยินเสียงเดินนางดีใจมาก และรู้ด้วยสัญชาตญาณว่าคนที่มาวันนี้ไม่ใช่คนที่นางรอคอย  นางจึงถามว่า

           หญิงตาบอด:     ชายคนที่มาทุกวันทำไมวันนี้เขาไม่มาล่ะ?

           อบูบักร์:             เขามีภารกิจยุ่งมาก เขาจึงให้ฉันมาแทน

           หญิงตาบอด:     แล้วท่านเป็นใคร?

           อบูบักร์:             อบูบักร์!

           หญิงตาบอด:     ถ้างั้น ชายคนนั้นก็คือ มูฮัมมัด

          เมื่อรู้เช่นนั้นนางผู้เคยเกลียดมูฮัมมัดถึงขนาดย้ายบ้านไปอยู่เพียงลำพังกล่าวปฏิญาณตน “ฉันขอปฏิญาณว่าไม่มีพระเจ้าอื่นใดที่ถูกกราบไหว้อย่างเที่ยงแท้นอกจากอัลลอฮฺ และขอปฏิญาณว่ามูฮัมมัดเป็นรอซูลของอัลลอฮฺ”

แล้วท่านอบูบักร์ก็ได้พานางเข้าไปในมักกะฮฺ...

           นั่นคือประวัติศาสตร์ !!

นั่นคือรอซูลุลลอฮฺของเรา ท่านได้มอบความเมตตาอาทรให้แก่คนที่เกลียดชังท่านแล้วพวกเรา อยู่ตรงจุดไหนของประวัติศาสตร์!

อิสลามประณามต่อการกระทำทารุณโหดเหี้ยม เพราะอิสลามเป็นศาสนาที่นำพาความสันติสุขมามอบให้แก่พื้นโลก ในทุกสงครามท่านรอซูลุลลอฮฺจะสั่งบรรดาทหารที่ออกทำศึก ห้ามฆ่าเด็ก สตรี คนชรา นักบวชนักพรต ห้ามตัดทำลายต้นไม้ หรือทำร้ายต่อสัตว์

        2.2 ให้เมตตาต่อสัตว์ดูจากเรื่องนี้อิสลามมีบทบัญญัติชัดเจนในการเมตตา อาทรต่อสัตว์จากฮาดิษบันทึกโดยอิหม่ามบุคคอรี ความหมายโดยสรุป “ขณะที่คนหนึ่งเดินทาง เกิดความกระหายอย่างมาก แล้วเขาผ่านบ่อน้ำจึงลงไปดื่มน้ำในบ่อ เมื่อเขาขึ้นมาพบสุนัขกำลังใช้ลิ้นเล็มดินเนื่องจากความการหาย เขากล่าวว่า “สุนัขตัวนี้ประสบเหมือนกับที่ฉันประสบ” เขาลงไปเอาน้ำในบ่อใส่น้ำมาเต็มรองเท้าแล้วใช้ปากคาบขึ้นมา ต่อจากนั้นให้สุนัขได้ดื่ม  ดังนั้นอัลลอฮฺได้ขอบคุณและอภัยโทษให้แก่เขา”

อีกหนึ่งตัวอย่าง ที่อิสลามเรียกร้องให้เมตตาต่อสัตว์  จากฮาดิษบันทึกโดย อิหม่ามมุสลิม ความหมายโดยสรุปว่า “ผู้หญิงนางหนึ่งต้องเข้านรก สาเหตุจากนางขังแมวจนกระทั่งตาย โดยที่นางมิได้ให้อาหารแก่มัน  และนางมิได้ปล่อยให้มันออกไปหาอาหารกินเอง  หลังจากนั้นมันตายอย่างซูบผอม”

ฮาดิษแรก ชายคนนั้นได้รับการขอบคุณและอภัยโทษจากอัลลอฮฺเนื่องจากเขาตักน้ำให้สุนัขดื่ม ส่วนฮาดิษที่สอง ผู้หญิงคนนั้นต้องลงนรก เนื่องจากนางไปขังแมวจนกระทั่งตาย

ฉะนั้นความเมตตาอาทรเป็นเรื่องของคุณธรรม เกิดขึ้นภายใต้สามัญสำนึก รักที่จะหยิบยื่นมอบให้ สามารถทำได้โดยไม่ต้องเลือกเวลา สถานที่

(3) การรำลึกถึงอัลลอฮฺ (ซิกรฺ) เรื่องง่ายๆที่สามารถทำได้ทุกอิริยาบถ คือการให้ปลายลิ้นเปียกชุ่มไปด้วยการกล่าวรำลึกถึงอัลลอฮฺ โดยเราจะหยิบยกมากล่าวในที่นี้ เพียงบางประการเท่านั้น

          3.1 การกล่าวอิสติฆฟาร (อัสตัฆฟิรุลลอฮฺ) โดยที่ท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม กล่าววันละ 70 ครั้งอีกสายรายงาน 100 ครั้ง ทั้งๆ ที่ท่านเป็นผู้ที่ปราศจากความผิด(มะอฺศูม)

          3.2 กล่าวดุอาอ์ “อัลลอฮุมมัฆฟิร ลิลมุมีนีนา วัลมุนีนาต”

จากฮาดิษของ อุบาดะฮฺ บิน อัศศอมิต รอฎิยัลลอฮูอัน กล่าวว่า ฉันได้ยินท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม กล่าวว่า “ผู้ใดที่ขออภัยโทษให้แก่บรรดาผู้ศรัทธาชายและบรรดาผู้ศรัทธาหญิง อัลลอฮฺจะบันทึกแก่เขาในทุกๆการขอให้ผู้ศรัทธาชายและหญิงหนึ่งความดี” (ดูใน รวมฮาดิษศอเฮี๊ยะของเชคอัลบานีย์ หมายเลข 6026)

จำนวนประชากรมุสลิมมากกว่า 1,600 ล้านคน!! การที่เรากล่าวไปครั้งเดียวเราจะได้รับความดีงามเท่าไหร่ ?

          3.3 อ่านซูเราะฮฺอัลฟาติหะฮฺ ซึ่งมีจำนวน 122 อักษร การอ่าน 1 อักษร จะได้รับภาคผลบุญเท่ากับ 10 ความดี*  ฉะนั้นการที่เราอ่านอัลฟาติหะฮฺ 1 จบ เราจะได้รับผลบุญเท่ากับ 1,220 ความดี ภายใน 1 นาที เราสามารถอ่านซูเราะฮฺอัลฟาติหะฮฺได้ 6 จบ แล้วเราไม่รีบฉกฉวยมากระนั้นหรือ?

*ดังฮาดิษของท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม  ความว่า “ใครที่อ่านหนึ่งอักษรจากคัมภีร์แห่งอัลลอฮฺ เขาจะไดรับหนึ่งความดี และหนึ่งความดีเท่ากับ 10 ผลบุญ ฉันไม่ได้กล่าวว่า อลิฟ-ลาม-มีม เป็นหนึ่งอักษร แต่ทว่า อลิฟ หนึ่งอักษร ลาม หนึ่งอักษร และมีม หนึ่งอักษร “

          3.4 อ่านซูเราะฮฺอัลอิคลาศ การที่เราใช้เวลาเพียง 5 วนาที เท่ากับเราอ่าน 1 ใน 3 ของอัลกรุอ่าน จากฮาดิษ อบูอุรัยเราะฮฺความว่า “กุลฮูวัลลอฮูอะหัด เทียบเท่ากับ 1 ใน 3 ของอัลกรุอ่าน”

นี่เป็นเรื่องง่ายๆ บางประการเท่านั้น!! ยังมีอีกหลายประการที่ทำได้โดยใช่เวลาเพียงเล็กน้อยเราสามารถทำได้ในหลายๆช่วงเวลา สามารถสอดแทรก หรือหยิบมาทำโดยไม่ต้องใช้พิธีการ และเรื่องต่างๆเหล่านี้... เป็นเรื่องเล็ก ที่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยเห็นความสำคัญ หรือ“เรื่องง่าย แต่ทำยาก”

 


เรียบเรียงโดย ยูซุฟ อบูบักรฺ

 

Maintained by: e-Daiyah Group (1429 H - 2008).