Loading

 

มาร้องไห้กันเถอะ !

มาร้องไห้กันเถอะ !

อัลลอฮฺได้ตรัสว่า

﴿ وَيَخِرُّونَ لِلۡأَذۡقَانِ يَبۡكُونَ وَيَزِيدُهُمۡ خُشُوعٗا۩ ١٠٩ ﴾ [الإسراء: ١٠٩] 

“และพวกเขาจะหมอบราบลงใบหน้าจรดพื้นพลางร้องไห้ และมันจะเพิ่มการสำรวมแก่พวกเขา” (อัล-อิสรออ์ : 109)

﴿ أَفَمِنۡ هَٰذَا ٱلۡحَدِيثِ تَعۡجَبُونَ ٥٩ وَتَضۡحَكُونَ وَلَا تَبۡكُونَ ٦٠ ﴾ [النجم: ٥٩-٦٠] 

“พวกเจ้ายังคงแปลกใจต่อคำกล่าวนี้อีกหรือ และพวกเจ้ายังคงหัวเราะและยังไม่ร้องไห้?” (อัน-นัจญ์มุ : 59-60)

 

ในวันหนึ่งๆ เราเคยร้องไห้เพราะเกรงกลัวต่ออัลลอฮฺ หรือรำลึกถึงพระองค์บ้างไหม?

ถ้าไม่เคย ก็พึงทราบเถิดว่า มนุษย์ที่ประเสริฐที่สุด ผู้ซึ่งเป็นมะอฺศูม (ปราศจากบาปความผิด) นั่นคือท่านนบีของเรา ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้ร้องไห้เพราะสาเหตุดังกล่าวอยู่บ่อยๆ เช่นเดียวกับบรรดาสหายของท่าน ที่ล้วนเจริญรอยตามแนวทางของท่านทุกย่างก้าว..

ถ้าไม่เคย ก็อาจจะต้องตรวจเช็คสภาพหัวใจกันเสียหน่อย ว่ามีสิ่งใดบกพร่องผิดพลาดไปบ้าง? มันถึงได้หยาบกระด้างนัก ก่อนที่มันจะเสียอย่างถาวร จนใช้การไม่ได้ ถึงตอนนั้น ก็คงไม่มีใครซ่อมแซมมันได้อีก..

 

มีรายงานจากท่านอิบนุ มัสอูด เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ เล่าว่า :

عَنْ عَبْدِ اللَّهِ بْنِ مَسْعُودٍ قَالَ : قَالَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ : «اقْرَأْ عَلَيَّ»، قَالَ : قُلْتُ أَقْرَأُ عَلَيْكَ وَعَلَيْكَ أُنْزِلَ؟ قَالَ : «إِنِّي أَشْتَهِي أَنْ أَسْمَعَهُ مِنْ غَيْرِي»، قَالَ: فَقَرَأْتُ النِّسَاءَ حَتَّى إِذَا بَلَغْتُ ﴿فَكَيْفَ إِذَا جِئْنَا مِنْ كُلِّ أُمَّةٍ بِشَهِيدٍ وَجِئْنَا بِكَ عَلَى هَؤُلَاءِ شَهِيدًا﴾، قَالَ لِي : «كُفَّ  ـ أَوْ أَمْسِكْ» فَرَأَيْتُ عَيْنَيْهِ تَذْرِفَانِ. [البخاري برقم 5055، ومسلم برقم 1903]

ความว่า : ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวกับฉันว่า : “ท่านจงอ่านอัลกุรอานให้ฉันฟังหน่อย” ฉันก็กล่าวว่า : โอ้ท่านเราะสูล จะให้ฉันอ่านให้ท่านฟัง ทั้งที่มันถูกประทานลงมายังท่านอย่างนั้นหรือ?! ท่านก็กล่าวว่า : “ฉันชอบที่ฟังมันจากคนอื่น” ฉันจึงอ่านสูเราะฮฺอัน-นิสาอ์ให้ท่านฟัง กระทั่งถึงอายะฮฺที่ว่า “แล้วอย่างไรเล่า เมื่อเรานำพยานคนหนึ่งจากแต่ละประชาชาติมา และเราได้นำเจ้ามาเป็นพยานต่อชนเหล่านี้” (อัน-นิสาอ์ : 41) ท่านก็กล่าวว่า : “พอแล้ว” มื่อฉันหันไปมองท่าน ก็เห็นท่านน้ำตาคลอ (บันทึกโดยอัล-บุคอรีย์ 5055 และมุสลิม 1903)

 

และมีรายงานจากท่านอนัส เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ เล่าว่า:

عَنْ أَنَسٍ رَضِيَ اللَّهُ عَنْهُ قَالَ : خَطَبَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ خُطْبَةً مَا سَمِعْتُ مِثْلَهَا قَطُّ، قَالَ : «لَوْ تَعْلَمُونَ مَا أَعْلَمُ لَضَحِكْتُمْ قَلِيلًا وَلَبَكَيْتُمْ كَثِيرًا»، قَالَ : فَغَطَّى أَصْحَابُ رَسُولِ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ وُجُوهَهُمْ، لَهُمْ خَنِينٌ. [البخاري برقم 4621 واللفظ له، ومسلم برقم 6268]

ความว่า : ครั้งหนึ่ง ท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวคุฏบะฮฺในแบบที่ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย แล้วท่านก็กล่าวว่า “ถ้าหากว่าพวกท่านรู้ในที่สิ่งฉันรู้ แน่นอนว่าพวกท่านจะหัวเราะเพียงน้อยนิด และพวกท่านจะร้องไห้อย่างมากมาย” ท่านอนัสกล่าวว่า : แล้วบรรดาเศาะหาบะฮฺของท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ก็ต่างพากันปิดหน้าของพวกท่าน แล้วก็มีเสียงร้องไห้สะอื้นออกมา (บันทึกโดยอัล-บุคอรีย์ 4621และมุสลิม 6268)

 

จากท่านอบู ฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ เล่าว่า: ท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า :

«لَا يَلِجُ النَّارَ رَجُلٌ بَكَى مِنْ خَشْيَةِ اللَّهِ حَتَّى يَعُودَ اللَّبَنُ فِي الضَّرْعِ وَلَا يَجْتَمِعُ غُبَارٌ فِي سَبِيلِ اللَّهِ وَدُخَانُ جَهَنَّمَ». [رواه الترمذي برقم 1633 قَالَ أَبُو عِيسَى هَذَا حَدِيثٌ حَسَنٌ صَحِيحٌ]

ความว่า : “ผู้ที่ร้องไห้เพราะความยำเกรงต่ออัลลอฮฺ จะไม่ตกนรกเว้นแต่เมื่อน้ำนมย้อนกลับคืนสู่เต้าได้ และฝุ่นจากการสู้รบในหนทางของอัลลอฮฺนั้น ก็ไม่อาจอยู่ร่วมกับควันนรกญะฮันนัมได้” (บันทึกโดยอัต-ติรมิซีย์ 1633 และกล่าวว่าเป็นหะดีษหะสันเศาะฮีหฺ)

 

และท่านอบู ฮุร็อยเราะฮฺยังได้รายงานว่า ท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า:

«سَبْعَةٌ يُظِلُّهُمْ اللَّهُ فِي ظِلِّهِ يَوْمَ لَا ظِلَّ إِلَّا ظِلُّهُ : الْإِمَامُ الْعَادِلُ، وَشَابٌّ نَشَأَ فِي عِبَادَةِ رَبِّهِ، وَرَجُلٌ قَلْبُهُ مُعَلَّقٌ فِي الْمَسَاجِدِ، وَرَجُلَانِ تَحَابَّا فِي اللَّهِ اجْتَمَعَا عَلَيْهِ وَتَفَرَّقَا عَلَيْهِ، وَرَجُلٌ طَلَبَتْهُ امْرَأَةٌ ذَاتُ مَنْصِبٍ وَجَمَالٍ فَقَالَ إِنِّي أَخَافُ اللَّهَ، وَرَجُلٌ تَصَدَّقَ أَخْفَى حَتَّى لَا تَعْلَمَ شِمَالُهُ مَا تُنْفِقُ يَمِينُهُ، وَرَجُلٌ ذَكَرَ اللَّهَ خَالِيًا فَفَاضَتْ عَيْنَاهُ» [البخاري برقم 660، ومسلم 2427]

ความว่า “บุคคลเจ็ดลักษณะ ที่อัลลอฮฺจะทรงให้ร่มเงาของพระองค์ ในวันที่ไม่มีร่มเงาใดๆนอกจากร่มเงาของพระองค์ คือ :

1-     

ผู้นำที่ผดุงความยุติธรรม

2-     

คนหนุ่มที่เติบโตด้วยความขยันทำอิบาดะฮฺต่อพระผู้เป็นเจ้าของเขา

3-     

บุคคลที่มีใจผูกพันกับมัสยิด

4-     

บุคคลสองคนที่มีความรักต่อกันเพื่ออัลลอฮฺ เขาทั้งสองจะคบหากันและจะแยกจากกันในหนทางของอัลลอฮฺ

5-     

ผู้ชายที่ถูกผู้หญิงที่มีฐานะร่ำรวย และมีหน้าตาที่สวยงามชวนให้กระทำผิดประเวณี แต่เขาปฏิเสธและบอกกับนางว่าแท้จริงข้าเกรงกลัวต่ออัลลอฮฺ

6-     

บุคคลที่บริจาคทานอย่างเงียบๆ(ไม่ป่าวประกาศ) จนกระทั่งมือข้างซ้ายของเขาไม่รู้ในสิ่งที่มือข้างขวาได้แจกจ่ายไป

7-     

และบุคคลที่นึกถึงอัลลอฮฺโดยลำพัง แล้วร้องไห้ออกมาด้วยความสำนึกผิดต่อพระองค์” (บันทึกโดย อัล-บุคอรีย์ 660 และมุสลิม 2427)

 

عن مطرف عن أبيه عبد الله بن الشخير رضي الله عنه قال :أَتَيْتُ النَّبِيَّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ وَهُوَ يُصَلِّي وَلِجَوْفِهِ أَزِيزٌ كَأَزِيزِ الْمِرْجَلِ يَعْنِي يَبْكِي. [النسائي برقم 1199]

ท่านอับดุลลอฮฺ บิน อัช-ชิคคีรฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ กล่าวว่า: “ฉันเข้าไปหาท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม พบว่าท่านกำลังทำการละหมาด ซึ่งท่านร้องไห้อย่างหนักจนมีเสียงคล้ายเสียงหม้อที่ต้มน้ำเดือด” (บันทึกโดย อัน-นะสาอีย์ 1199)

 

عَنْ أَنَسِ بْنِ مَالِكٍ رَضِيَ اللَّهُ عَنْهُ قَالَ النَّبِيُّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ لِأُبَيٍّ : «إِنَّ اللَّهَ أَمَرَنِي أَنْ أَقْرَأَ عَلَيْكَ ﴿لَمْ يَكُنْ الَّذِينَ كَفَرُوا مِنْ أَهْلِ الْكِتَابِ﴾ [سورة البينة] »، قَالَ : وَسَمَّانِي؟، قَالَ: «نَعَمْ»، فَبَكَى. [البخاري برقم 3809، ومسلم 1901]

ท่านอนัส เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ กล่าวว่า: ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวกับ อุบัยย์ บิน กะอฺบ์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ ว่า : “แท้จริงอัลลอฮฺได้ทรงใช้ให้ฉันอ่าน (สูเราะฮฺ) …لَمْ يَكُنِ الَّذِينَ كَفَروا ให้ท่านฟัง” อุบัยย์ ก็กล่าวถามว่า : แล้วพระองค์ทรงเอ่ยชื่อฉันหรือครับ? ท่านนบีตอบว่า : “ใช่แล้ว” แล้วท่านอุบัยย์ก็ร้องไห้ (หะดีษมุตตะฟะกุนอะลัยฮฺ อัล-บุคอรีย์ 3809 และมุสลิม 1901)

ลองนึกถึงความรู้สึก ของคนที่ได้รู้ว่าอัลลอฮฺทรงใช้ให้ท่านนบีอ่านกุรอานให้ฟัง แล้วยังทรงเอ่ยชื่อเขาอีกด้วย มาชาอัลลอฮฺ!

 

ท่านอนัส เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ กล่าวว่า :

عَنْ أَنَسٍ قَالَ قَالَ أَبُو بَكْرٍ رضى الله عنه بَعْدَ وَفَاةِ رَسُولِ اللَّهِ -صلى الله عليه وسلم- لِعُمَرَ انْطَلِقْ بِنَا إِلَى أُمِّ أَيْمَنَ نَزُورُهَا كَمَا كَانَ رَسُولُ اللَّهِ -صلى الله عليه وسلم- يَزُورُهَا. فَلَمَّا انْتَهَيْنَا إِلَيْهَا بَكَتْ، فَقَالاَ : لَهَا مَا يُبْكِيكِ مَا عِنْدَ اللَّهِ خَيْرٌ لِرَسُولِهِ -صلى الله عليه وسلم-. فَقَالَتْ : مَا أَبْكِي أَنْ لاَ أَكُونَ أَعْلَمُ أَنَّ مَا عِنْدَ اللَّهِ خَيْرٌ لِرَسُولِهِ -صلى الله عليه وسلم- وَلَكِنْ أَبْكِي أَنَّ الْوَحْيَ قَدِ انْقَطَعَ مِنَ السَّمَاءِ. فَهَيَّجَتْهُمَا عَلَى الْبُكَاءِ فَجَعَلاَ يَبْكِيَانِ مَعَهَا. [مسلم برقم 6472]

ความว่า : ท่านอบูบักรฺกล่าวกับท่านอุมัรฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุมา หลังจากที่ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม เสียชีวิตไปแล้วว่า : “เราไปเยี่ยมอุมมุอัยมัน เราะฎิยัลลอฮุอันฮา เหมือนกับที่ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม เคยไปเยี่ยมนางกันดีกว่า” เมื่อทั้งสองท่านไปถึง นางก็ร้องไห้ ท่านสองท่านก็กล่าวกับนางว่า : “อะไร ทำให้ท่านร้องไห้หรือ? ท่านไม่รู้หรอกหรือว่าสิ่งที่อยู่ ณ อัลลอฮฺตะอาลานั้นเป็นการดีกว่าสำหรับท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม” นางก็กล่าวว่า : “ที่ฉันร้องไห้ ไม่ใช่ว่าเป็นเพราะฉันไม่รู้ว่าสิ่งที่อยู่ ณ อัลลอฮฺ เป็นการดีกว่าสำหรับท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม แต่ที่ฉันร้องไห้ ก็เพราะว่าวะฮีย์(วิวรณ์แห่งอัลลอฮฺ)จากฟากฟ้าได้สิ้นสุดลงแล้วต่างหาก” ซึ่งคำพูดของนางนั้น ทำให้ทั้งสองท่านต้องร้องไห้ไปพร้อมๆกับนาง (บันทึกโดยมุสลิม 6472)

อุมมุ อัยมัน เราะฎิยัลลอฮุอันฮา ก็คือ พี่เลี้ยงของท่าน นบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ซึ่งท่านรักและผูกพันกับนางมาก

 

ท่านอิบนุ อุมัรฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุมา กล่าวว่า :

لَمَّا اشْتَدَّ بِرَسُولِ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ وَجَعُهُ قِيلَ لَهُ فِي الصَّلَاةِ فَقَالَ : «مُرُوا أَبَا بَكْرٍ فَلْيُصَلِّ بِالنَّاسِ»، قَالَتْ عَائِشَةُ : إِنَّ أَبَا بَكْرٍ رَجُلٌ رَقِيقٌ إِذَا قَرَأَ غَلَبَهُ الْبُكَاءُ، قَالَ: «مُرُوهُ فَيُصَلِّي». [البخاري برقم 682]، وفي رواية قالت عائشة رضي الله عنها : «إِنَّ أَبَا بَكْرٍ إِذَا قَامَ فِي مَقَامِكَ لَمْ يُسْمِعْ النَّاسَ مِنْ الْبُكَاءِ» [البخاري برقم 716 واللفظ له، ومسلم 967]

ความว่า : เมื่อครั้งที่ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ป่วยหนัก และได้มีการเตือนท่านว่าได้เวลาละหมาดแล้ว ท่านก็กล่าวว่า : “พวกท่านจงบอกให้อบูบักรฺเป็นอิหม่ามนำละหมาด” ท่านหญิงอาอิชะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮา จึงกล่าวว่า : แท้จริงอบูบักรฺนั้นเป็นคนอ่อนโยน อ่านอัลกุรอานทีไรเป็นต้องร้องไห้ทุกครั้ง ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าว(ยืนกราน) ว่า : “จงบอกให้เขานำละหมาด” (อัล-บุคอรีย์ 682) และในสำนวนซึ่งรายงานจากอาอิชะฮฺ เราะฎิยัลลอฮฺอันฮา ระบุว่า : ฉัน (อาอิชะฮฺ) กล่าวว่า: แท้จริงอบูบักรฺนั้น ถ้าหากเขายืนละหมาดแทนที่ท่าน จะทำให้ผู้คนไม่ได้ยินการอ่านของเขาอันเนื่องจากเสียงร้องไห้ของเขา (อัล-บุคอรีย์ 716 และมุสลิม 967)

 

ที่มา :

http://www.iqraforum.com/forum/index.php/topic,2460.0.html

 

 

.........................................

 

เขียนโดย อัสรัน นิยมเดชา

 

ตรวจทานโดย : ซุฟอัม อุษมาน

คัดลอกจาก http://IslamHouse.com/398750

 

 

Maintained by: e-Daiyah Group (1429 H - 2008).