Loading

 

เมืองมายา?ป่าคอนกรีต

ท่ามกลางความศิวิไลซ์...จะใช้ชีวิตอย่างไรให้ใกล้ชิดอัลลอฮฺ

ลมเอื่อยพัดมาผ่านมาจากทางควนออก กระทบต้นไทรหน้าบ้านแรงพอที่จะทำให้ยอดใบปลิวไหวไปมา นกกรงดอกแตงวิ่งกระโดดไล่จิกแมลงอยู่ตรงลานหญ้าเจ้าชู้ข้างบ้าน...สักพักก็โผบินไปอย่างไม่ใส่ใจต่ออะไรทั้งปวง...ฉันพร่ำอยู่ในห้วงคิดคำนึง คงเป็นเรื่องที่ชี้บ่งว่า “ความอิสรภาพของโลกใบนี้เป็นของมันแต่เพียงผู้เดียว...”

สภาพอากาศตอนสายของวันอาทิตย์...แดดแสงอ่อน...สายลมเอื่อย...พอจะนำพาให้รู้สึกผ่อนคลายปลดปล่อยจากอารมณ์เคร่งเครียดของอะไรบางอย่างภายใน 2-3 เดือนที่ผ่านมาไปได้บ้าง

สัปดาห์ที่เลยผ่านกับการเดินทาง...ได้พบเจอสิ่งต่างๆ มากมาย เมืองมนุษย์แห่งประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์...กับป่าคอนกรีตในเมืองดูไบ ความศิวิไลซ์ได้ตีปีกเหล็ก แผ่ลงมาปกคลุมชาวโลกเกือบทั่วอาณาแคว้นแดนดิน ทุกอณูอากาศถูกอัดแน่นด้วยความก้าวหน้าของมายาวัตถุสิ่งแปลกใหม่รูปแบบต่างๆ นานาที่มนุษย์สรรหาผลิตขึ้น

การใช้ชีวิตของมนุษย์ในเมืองแห่งสวนป่าเทคโนโลยี โลดโผน เร่งรีบกันเหลือเกิน ต่างเบียดแย่งแข่งขัน ต้องเอาตัวเองให้รอด ความปรารถนา ความต้องการไร้ขีดจำกัด รถราวิ่งไปมากันขวักไขว่ดูแล้วให้ความสับสนวุ่นวายในอารมณ์คิด การที่จะหันกลับไปสู่การใช้ชีวิตให้ใกล้เคียงวิถีชีวิตของบรรพชนผู้สร้างประวัติศาสตร์อันรุ่งโรจน์แห่งอิสลามนั้น ดูเหมือนจะยากลำบากอยู่มิน้อยเลย ...

นั่นคือปัจจุบันที่เป็นไปในแนวทางการดำรงชีพของสิ่งมีชีวิต ที่มีสติปัญญาที่มาอาศัยอยู่บนพื้นดาวเคราะห์ที่มีทรงกลมซึ่งผิวของมันขรุขระดวงนี้...

ท่ามกลางปัญหาที่รายล้อม กับสังคมที่เราจำเป็นต้องอาศัยอยู่ปะปนไปกับกระแสธารของความป่าเถื่อนโหดร้าย กระแสความขัดแย้งแบ่งแยกกันเกือบจะทุกหัวระแหง ความแปลกแยกในสังคมถูกแบ่งเป็นฝักฝ่าย แบ่งขั้วเลือกข้าง นั่นเหลืองนี่แดง เราในฐานะผู้ศรัทธาจะนำพา (ใช้) ชีวิตอย่างไรให้ใกล้ชิดกับอัลลอฮฺได้มากที่สุด ?

ต่อไปนี้คือข้อเสนอแนะเพียงบางประการที่จะช่วยเสริมแต่งให้ชีวิตของผู้ศรัทธาได้ใกล้ชิดและมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีขึ้น ระหว่างผู้สร้างมหาสากลจักรวาลกับผู้ที่ถูกสร้างแสนจะอ่อนแอต่ำต้อย

 

1. นำอิสลามมาปฏิบัติทุกแง่มุมของการดำเนินชีวิต โดยไม่ยึดติดประเพณีนิยมและความเชื่อเก่า ๆ ทุกอักขระของอัลกุรอาน และทุกอริยบทจากจริยวัตรของท่านรอสูลุลลอฮฺ ต้องนำมาพิจารณาใคร่ครวญ แล้วต้องพยายามกลั่นออกมาเป็นการกระทำอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ไม่ยึดถือปฏิบัติแค่เพียงบางส่วนแล้วทิ้งอีกบางส่วน หรือทำตามอารมณ์ความพึงพอใจแห่งตน และให้ตระหนักอยู่เสมอว่าศาสนาที่ได้รับการยอมรับจากพระผู้สร้างคือ อิสลาม อัลลอฮฺได้ตรัสไว้ในซูเราะฮฺอาลาอิมรอน อายะฮฺที่ 19 ความว่า “แท้จริงศาสนา ณ ที่อัลลอฮฺ คือ ศาสนาอิสลาม”

 

2. ศึกษาหาความรู้ที่เกี่ยวกับหลักคำสอนแห่งอิสลาม ทำความเข้าใจให้รู้อย่างถ่องแท้ ไม่หวั่นไหวต่อกระแสของอารยธรรมอันจอมปลอมที่กำลังโหมกระหน่ำสังคมอยู่ทุกวี่วัน อัลลอฮฺได้ตรัสไว้ในซูเราะฮฺอันอาม อายะฮฺที่ 125 ความว่า “ผู้ใดที่อัลลอฮฺทรงต้องการจะแนะนำเขา พระองค์ก็จะทรงให้หัวอกของเขาเบิกบานเพื่ออิสลาม” และยังมีหลักฐานอีกมากมายไม่ว่าจะเป็นคำดำรัสของอัลลอฮฺ หรือพจนารถของท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะสัลลัม ที่บ่งบอกถึงเรื่องนี้

 

3. เชื่อมั่นต่อเจตนารมณ์และอุดมการณ์อิสลามอย่างแน่วแน่ ว่าเป็นวิถีเดียวเท่านั้นที่สามารถสานฝันให้ประชาคมโลกได้ เป็นครรลองเดียวที่สามารถนำสันติภาพมาสู่โลกอันแสนวุ่นวายโหดร้ายใบนี้ ดังที่อัลลอฮฺได้ตรัสไว้ในซูเราะฮฺ อัฏ-เฏาะลาค อายะฮฺที่ 3 ความว่า “และผู้ใดที่ได้มอบหมายกิจการงานต่ออัลลอฮฺ เป็นการเพียงพอแล้วสำหรับเขา”

 

4. รวมตัวเป็นกลุ่ม (ญามาอะฮฺ) ไม่นำเอาปัญหาปลีกย่อยมาเป็นกำแพงเพื่อขวางกั้นความเป็นพี่น้อง เพราะการตัวจะนำไปสู่ความเป็นภราดรภาพ และเป็นเหตุทำให้ศัตรูมิกล้ามากล้ำกราย ทำร้าย ในเมื่อเราอยู่อย่างสุขสบาย โอกาสที่เราจะเป็นบ่าวที่ใกล้ชิดต่ออัลลอฮฺก็มีทางเป็นไปได้มาก ความสำเร็จต่าง ๆ ก็เกิดขึ้นได้โดยพลังมวลชน (ญามาอะฮฺ) และอนาคตอันใกล้วิถีชีวิตอิสลามที่ครอบคลุมก็จะถูกสถาปนาขึ้นอีกครั้ง (อินชาอัลลอฮฺ) ดังปรากฏในพจนารถของท่านศาสดามุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะสัลลัม ความว่า “แท้จริงพระหัตถ์ของอัลลอฮฺจะอยู่พร้อมกับบรรดาผู้อยู่รวมกันเป็นกลุ่ม (ญามาอะฮฺ)”

 

5. อดทน อดกลั้นต่อภัยพิบัติ และการทดสอบในรูปแบบต่าง ๆ ไม่มีใครถูกพันธนาการไปกับความทุกข์ระทมไปตลอดชีวิตและไม่มีใครจะสมหวังตลอดไป หลังจากกระแสลมพายุพัดโหมกระหน่ำ ในอีกไม่นานวันที่ท้องฟ้าสีทองผ่องอำไพก็จะมาเยือน อัลลอฮฺได้ตรัสไว้ในซูเราะฮฺ อะละอิมรอน อายะฮฺที่ 139 ความว่า “สูเจ้าจงอย่าได้ท้อ อย่าได้ระทม แท้จริงเจ้าย่อมเป็นผู้ที่เหนือกว่า หากสูเจ้าเป็นผู้ที่ศรัทธา”

 

ที่กล่าวผ่านมาทั้งหมดเป็นเพียงบางส่วนของข้อเสนอแนะในการดำเนินชีวิตเพื่อให้ใกล้ชิดต่ออัลลอฮฺสำหรับมวลมนุษยชาติ -ซึ่งยังมีอีกหลายปัจจัย - ถนนแห่งชีวิตบนโลกดุนยาอันแสนสั้นและโหดร้ายมีแค่สองเส้นทางให้เลือก หนึ่ง...ทางที่สว่างเที่ยงตรงของหลักธรรมคำสอนแห่งอิสลาม กับสอง...ทางที่มืดมิดลุ่มหลงแห่งชัยฏอนมารร้าย แน่นอน...สำหรับผู้ที่ใคร่ครวญด้วยสติปัญญา เขาย่อมที่จะเลือกก้าวเดินให้กับชีวิตในเส้นทางที่หนึ่ง เพราะเส้นทางที่สว่างย่อมปลอดภัย และเดินได้อย่างสะดวกสบายกว่าทางที่มืดมิดที่คลาคล่ำไปด้วยสิ่งล่อลวง นำพาชีวิตไปสู่การลุ่มหลง...และใครที่เลือกหนทางสายที่สอง...เราเพียงขอบอกว่า

“มันไม่คุ้มค่าเอาเสียเลยที่เกิดมาพร้อมกับสติปัญญา แต่..กลับไม่ได้ใช้มันเพื่อการใคร่ครวญ”


Maintained by: e-Daiyah Group (1429 H - 2008).