Loading

 

โศกนาฏกรรมบนเส้นทางของการดะอฺวะฮฺ

“ความอดทน” คือคุณลักษณะอย่างหนึ่งที่ถูกนำมากล่าวไว้ในอัลกุรอานในหลายโองการด้วยกัน และความอดทนเช่นกันที่เป็นอุปสรรค เป็นปัญหาใหญ่ที่เดินเคียงคู่ไปกับการดะวะฮฺ ซึ่งเป็นเส้นทางที่ถูกห้อมล้อมไปด้วยความยากลำบาก เหนื่อยล้า และต้องพบกับความเจ็บปวด ส่วนผลลัพธ์ที่จะประจักษ์ชัดขึ้นก็ยังอยู่อีกไกล และจะต้องพบกับความเหนื่อยยาก อ่อนล้า นอกจากผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์เท่านั้น...

 
ด้วยเหตุผลดังกล่าว บรรดาผู้ที่ทำหน้าที่เรียกร้องสู่หนทางของอัลลอฮฺ พวกเขามีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะปลดปล่อยผู้คนให้หลุดพ้นจากวังวนแห่งอารมณ์ใฝ่ต่ำ การทำตามใจในสิ่งที่ผิดๆ สันดานดิบเถื่อน ประเพณีนิยมที่ปฏิบัติตามกันมาเป็นระยะเวลาอันยาวนานและผู้เผยแผ่ต้องการที่จะปฏิรูป เปลี่ยนแปลงนิสัยดั้งเดิม สิ่งที่บรรพบุรุษพวกเขาเคยบูชากราบไหว้ จารีตประเพณี และการแบ่งชนชั้นวรรณะให้แก่พวกเขา และเรียกร้องพวกเขาให้เสียสละสิ่งที่เขาครอบครองอยู่ให้แก่พี่น้อง เรียกร้องพวกเขาให้ยืนหยัดอยู่ในขอบเขตของอัลลอฮฺ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่อัลลอฮฺทรงใช้หรือสิ่งที่พระองค์ทรงห้าม ไม่ให้หลุดออกนอกกรอบของที่หะลาลหรือตกจมลงไปในสิ่งที่หะรอม แต่ทว่าผู้คนส่วนใหญ่มักจะไม่ยอมรับต่อการเผยแผ่ที่มาใหม่ ด้วยเหตุดังกล่าวพวกเขาจะร่วมกันต่อต้านด้วยกับทุกวิธีหรือทุกขุมกำลังที่มี และจะต่อสู้ขัดขวางด้วยกับอาวุธทุกอย่างที่มีครอบครอง พวกเขาต่างภูมิใจว่าเป็นคนที่มีฐานะร่ำรวย มีเกียรติยศศักดิ์ศรี  มีความเข้มแข็งกล้าหาญ และเป็นผู้ที่มากไปด้วยอำนาจบารมี     
 
ดังนั้นสิ่งที่นักเผยแผ่สู่สัจธรรมต้องเผชิญหน้า ก็คือ ไม่มีสิ่งใดอีกนอกจากเขาจะต้องมีความเชื่อมั่นในพระองค์อัลลอฮฺอย่างหนักแน่น และเสริมความแข็งแกร่งโดยมีความอดทนต่อสิ่งที่พวกเขาพบพาน รวมถึงอำนาจมืดของความชั่วร้ายสามานย์
 
ความอดทนในที่นี้ต้องเป็นดังคำกล่าวของท่านอะลียฺ บิน อบีฎอลิบ  “เป็นดั่งคมดาบที่ไม่มีวันวิ่นแหว่ง เหมือนพาหนะที่ไม่มีวันอ่อนล้าล้มฟุบ และเป็นดั่งแสงสว่างที่ไม่มีวันมอดดับ” 
 
ขณะที่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวไว้ในหะดีษเศาะฮีหฺ ความว่า “ความอดทนนั้นเป็นแสงสว่าง”
 
เป็นเหตุผลอันเร้นลับที่อัลกุรอานนำเอาสิ่งที่เสียหายในเรื่องของความอดทนมาเทียบเคียงกับสิ่งเสียหายในเรื่องของสัจธรรม ดังเช่นในสูเราะฮฺอัลอัศรฺ “แท้จริงมนุษย์อยู่ในการขาดทุน  นอกจากบรรดาผู้ศรัทธา ผู้ประกอบคุณงามความดี ตักเตือนกันในเรื่องสัจธรรมและตักเตือนกันในเรื่องความอดทน”
 
มีเหตุผลอันเร้นลับอีกเช่นกัน ในพระดำรัสของอัลลอฮฺโดยผ่านลุกมานอัลหะกีมที่ได้สั่งเสียลูกในเรื่องของความอดทนต่อภัยพิบัติที่เขาจะต้องพบพาน ไม่ว่าจะเป็นอันตราย ปัญหาหรืออุปสรรคต่างๆ และสั่งเสียให้กำชับกันในเรื่องของความดีงามและห้ามปรามตักเตือนในเรื่องของความชั่วช้า การตำหนิ ดั่งคำดำรัสของอัลลอฮฺโดยผ่านคำบอกเล่าของลุกมานว่า ความว่า  “โอ้ลูกเอ๋ย เจ้าจงดำรงการละหมาด จงใช้กันในเรื่องของความดีงาม จงห้ามปรามกันในเรื่องของความชั่วช้า และจงอดทนกับสิ่งที่มาประสบกับเจ้า แท้จริงนั่นคือส่วนหนึ่งจากการงานที่หนักแน่นมั่นคง”  (ลุกมาน/ 17)
 
เสมือนลุกมานกล่าวกับลูกของเขาว่า ตราบใดที่เจ้าเรียกร้องผู้คนไปสู่ความดีงาม กำชับใช้พวกเขาในเรื่องคุณธรรม ตักเตือนห้ามปรามเรื่องความชั่วช้า เจ้าจงได้เตรียมตัวไว้พบกับการต่อต้านเกลียดชังจากพวกเขา หมายถึงภัยอันตรายและสิ่งที่พวกเขาเจตนาให้เกิดกับผู้ที่ส่งเสริมให้กระทำในเรื่องความดี พวกเขามองในเรื่องความดีประหนึ่งกับมองมัจจุราช   ดังกับว่าความดีนั้นจะมาเป็นตัวมาขัดขวางหรือจับจ้องพวกเขาไว้ไม่ให้กระทำในสิ่งที่ชั่วช้า ซึ่งหมายถึงสิ่งที่พวกเขารักและโปรดปราน
 
วิธีการหรือประเด็นปัญหาในการเชิญชวนสู่หนทางของอัลลอฮฺมีรูปแบบที่แตกต่างกันไป โดยอัลกุรอานได้บอกให้เป็นตัวอย่างในหลากหลายรูปแบบด้วยกันดังต่อไปนี้
 
หนึ่ง ...
ผู้คนส่วนมากจะตีตนออกห่างจากนักดาอีย์ (ผู้เผยแผ่ศาสนา) ดังนั้นอย่าให้เป็นเรื่องลำบากในการที่นักดาอีย์จะทำหน้าที่อย่างสุดความสามารถหรือจะประกาศก้องจนสุดเสียงบอกกล่าวแจ้งข่าวดี อบรมตักเตือน ถึงแม้บางครั้งเขาจะไม่พบสิ่งใดนอกจากหูที่หนวกสนิทและหัวใจที่ถูกปิดตายทุกห้องของผู้คน
 
เหมือนดังที่เราได้เรียนรู้มาแล้วในหน้าประวัติศาสตร์ของท่านนบีนูหฺ อะลัยฮิสสลาม ขณะที่ท่านกล่าวคำพรอ้อนวอนต่ออัลลอฮฺ “ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ แท้จริงข้าพระองค์ได้เรียกร้องเชิญชวนกลุ่มชนของข้าพระองค์ทั้งกลางวันและกลางคืน แต่การเรียกร้องเชิญชวนของข้าพระองค์ไม่ได้เพิ่มพูนสิ่งใดแก่พวกเขานอกจากการหลบหนี และแท้จริงทุกครั้งที่ข้าพระองค์เรียกร้องเชิญชวนพวกเขา เพื่อที่พระองค์จะได้ทรงอภัยโทษให้แก่พวกเขา พวกเขาเอานิ้วมาอุดหู เอาเสื้อผ้ามาคลุมโปง  และพวกเขายังดื้อรั้นและหยิ่งยโสด้วยความจองหอง” (สูเราะฮฺ นูหฺ / 5-7)
 
และในทำนองเดียวกันจากประวัติศาสตร์ของท่านนบีฮูด อะลัยฮิสสลาม ขณะที่ท่านได้ชี้แจงถึงสัจธรรมของท่านแต่กลับถูกพวกเขาโต้ตอบกลับมา ความว่า “โอ้ฮูดเอ๋ย ท่านมิได้นำหลักฐานอันชัดแจ้งมาให้แก่พวกเรา และพวกเราก็จะไม่ละทิ้งบรรดาพระเจ้าของพวกเราเพราะคำกล่าวของท่าน และพวกเราจะไม่ศรัทธาในตัวท่านด้วย”  (ฮูด/53)
 
และเหตุการณ์ในทำนองเดียวกันนี้ก็เกิดกับท่านรอสูลุลลอฮฺเช่นกัน โดยที่อัลลอฮฺได้บอกถึงสภาพของผู้คนที่อยู่รายล้อมท่านรอสูลุลลอฮฺว่า ความว่า “หาอ์มีม อัลกุรอานนี้ได้เป็นการประทานลงมาจากพระผู้ทรงกรุณาปรานีผู้ทรงเมตตาเสมอ คัมภีร์ซึ่งโองการทั้งหลายได้ให้คำอธิบายไว้อย่างละเอียด เป็นอัลกุรอานภาษาอาหรับสำหรับกลุ่มชนผู้มีความรู้ เป็นการแจ้งข่าวดีและเป็นการตักเตือน แต่ส่วนมากของพวกเขาผินหลังให้ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้ยินและพวกเขากล่าวว่าหัวใจของพวกเราอยู่ในที่ปกปิดจากสิ่งที่พวกท่านเชิญชวนเราไปสู่สิ่งนั้น และในหูของเราก็หนวก และระหว่างเรากับท่านก็มีม่านกั้นอยู่ ดังนั้นท่านจงทำ (สิ่งที่ท่านอยากทำ) เถิด สำหรับพวกเราก็จะทำ (ตามที่เราต้องการจะทำ)” (ฟุศศิลัต/1-5) 
 
ด้วยเหตุดังกล่าวอัลลอฮฺจึงตรัสแก่รอสูลของพระองค์ว่า ความว่า “จงอดทนเถิดและการอดทนของเจ้าจะเกิดขึ้นไม่ได้ เว้นแต่ด้วยการอนุมัติของอัลลอฮฺ และอย่าเศร้าโศกต่อพวกเขาเลย” (อัลนะหฺลุ/127)
 
สำหรับตัวอย่างที่เด่นชัดที่สุดในบรรดาผู้ที่มีความอดทน ได้แก่ท่านนบีนูฮฺ อะลัยฮิสสลามขณะที่ท่านต้องพบกับการปฏิเสธและการขีดกันรูปแบบต่างๆ นาๆ ถูกด่าทอทำร้ายอย่างหนักหน่วง ซึ่งไม่มีนบีท่านใดประสบเยี่ยงกับท่าน        
จากประวัติศาสตร์ได้ชี้ให้เราเห็นว่า ท่านนบีนูหฺ อะลัยฮิสสลาม เป็นผู้ที่มีความอดทนที่ยิ่งใหญ่ ยากที่จะหาผู้ใดเทียบเคียงได้ ท่านพยายามอย่างหนักที่จะเผยแผ่สัจธรรมของอัลลอฮฺ ถึงแม้ว่าจะถูกขัดขวางกีดกันอย่างรุนแรงจากผู้ปฏิเสธศรัทธาก็ตาม     
 
สอง ...
อุปสรรคปัญหาบนเส้นทางการดะอฺวะฮฺ จะประสบกับการทำร้ายจากผู้คน ไม่ว่าจะด้วยคำพูดหรือการกระทำ ดังนั้นไม่ใช่เรื่องน่าวิตกแต่ประการใดสำหรับผู้ที่มีหัวใจอันบริสุทธิ์ในการทำภารกิจอันทรงเกียรตินี้ จะต้องขัดเกลาตัวเองให้หลุดพ้นจากความรู้สึกท้อแท้หวั่นไหว รักที่จะทำความดีงามให้งอกเงยขึ้นในตัวของผู้คน มีความบริสุทธิ์ใจในการอบรมตักเตือน ให้ความสำคัญในสิ่งที่พวกเขาขาดหาย เรียกร้องเชิญชวนสู่หนทางแห่งพระผู้เป็นเจ้าด้วยวิทยปัญญาถึงแม้จะถูกโต้ตอบด้วยกับความหยาบกระด้างก็ตาม กล่าวอบรมตักเตือนผู้คนด้วยความดีงามถึงแม้จะถูกตอกกลับมาด้วยความชั่วร้าย โต้ตอบกับพวกเขาด้วยความอ่อนโยนถึงแม้พวกเขาจะโต้กลับมาด้วยความดันทุรัง ชี้นำพวกเขาไปสู่ความดีงามถึงแม้ว่าพวกเขาจะปฏิเสธด้วยความชั่วช้า เชิญชวนพวกเขาด้วยกับคำพูดแห่งสัจธรรมถึงแม้ว่าจะไม่ได้ยินคำพูดใดนอกจากคำพูดที่หยาบช้าสามานย์
 
สำหรับภารกิจอันสำคัญนี้ ไม่มีวันหยุดหรือยุติลงแม้ว่าจะพบกับอุปสรรคใดๆ แม้มันจะมีผลไปถึงเรื่องทรัพย์สมบัติบางทีอาจจะต้องสูญเสีย หรืออาจถูกทำลายอิสรภาพบนหน้าแผ่นดิน อาจถูกกีดกั้น ถูกย่ำยีบีฑา และถูกละเมิดอธิปไตย และที่หนักกว่านั้นอาจถึงขั้นถูกปองร้ายถึงชีวิตหรืออาจถูกเนรเทศขับไล่ออกจากแผ่นดินถิ่นกำเนิดของตนให้เร่ร่อนพเนจรไปยังแผ่นดินอื่น
 
สภาพการณ์เช่นที่กล่าวผ่านมา อัลกุรอานได้สาบานเอาไว้ว่า มันจะเกิดขึ้นกับนักทำงานเพื่ออัลลอฮฺ ตะอะลา ดังที่พระองค์ได้ตรัสกับบรรดาผู้ศรัทธาให้เตรียมตัวไว้ให้พร้อมกับการที่ต้องอดทนต่อสู้ ซึ่งเป็นระยะเวลาอันยาวนาน ความว่า  “แน่นอนยิ่งพวกเขาจะถูกทดสอบในทรัพย์สมบัติและชีวิตของพวกสูเจ้า และแน่นอนยิ่ง พวกเจ้าจะได้ฟังจากเหล่าชนแห่งคัมภีร์และบรรดาผู้ที่ตั้งภาคีกับอัลลอฮฺซึ่งก่อความเดือดร้อนขึ้นมามากมาย และหากพวกเจ้าอดทนยำเกรงแล้ว มันเป็นส่วนหนึ่งจากกิจการที่หนักแน่มั่นคง”  (อาละอิมรอน /186)
 
เมื่อเราสังเกตจากตรงนี้จะพบได้ว่าอัลลอฮฺใช้ให้ท่านรอสูลุลลอฮฺอดทนต่อการทำร้ายจากกลุ่มชนของท่าน ดั่งที่พระองค์ได้ตรัสไว้ ความว่า “จงอดทนต่อสิ่งที่เขากล่าวร้ายและจงแยกตัวออกจากพวกเขาด้วยการแยกออกอย่างสุภาพ”  (อัลมุซซัมมิล /10)
 
บรรดารอสูลของพระองค์ต่างได้ก้าวผ่านลักษณะดังกล่าวกันมาแล้วทั้งสิ้น ดังที่อัลลอฮฺได้ถ่ายทอดเรื่องราวโดยผ่านคัมภีร์ของพระองค์เพื่อแสดงให้เห็นถึงการตอบโต้กลุ่มชนผู้ปฏิเสธ ความว่า “และเราจะอดทนต่อการที่พวกท่านทำร้ายเรา และบรรดาผู้มอบความไว้วางใจพึงมอบความไว้วางใจต่ออัลลอฮฺเท่านั้น”  (อิบรอฮีม / 12)
 
และอัลลอฮฺได้ปลอบประโลมท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมกับได้ชี้แจงหรือกล่าวอ้างเรื่องราวของบรรดารอสูลท่านอื่นๆ ที่มาก่อนหน้าท่าน โดยพระองค์ตรัสไว้ ความว่า  “แน่นอนบรรดารอสูลก่อนเจ้านั้นได้ถูกปฏิเสธมาแล้ว และพวกเขาอดทนต่อสิ่งที่พวกเขาถูกปฏิเสธและถูกทำร้าย จนกระทั่งความช่วยเหลือของเราได้มายังพวกเขา และไม่มีใครเปลี่ยนแปลงพจนารถของอัลลอฮฺได้”  (อัลอันอาม / 34)
 
ส่วนหนึ่งจากบรรดาผู้ปฏิบัติตามแนวทางของท่านรอสูลุลลอฮฺ อัลลอฮฺได้เล่าเรื่องราวให้แก่พวกเขาได้รับรู้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับนักมายากลของฟิรเอานฺ ในขณะที่ความจริงปรากฏ ความมดเท็จหลอกลวงที่พวกเขากระทำอยู่ก็หายไป จึงเป็นสาเหตุทำให้นักมายากลทั้งหลายยอมจำนนในที่สุด พร้อมทั้งประกาศตนศรัทธามั่นต่อพระเจ้าของนบีมูซาและฮารูน แม้ฟิรเอานฺได้กล่าวกับพวกเขา ความว่า  “พวกท่านศรัทธาต่อเขาก่อนที่ข้าจะอนุมัติแก่พวกท่านกระนั้นหรือ   แท้จริงนี่คือกลอุบายหนึ่งที่พวกท่านได้วางแผนมันไว้ในเมือง เพื่อที่จะขับไล่ชาวเมืองให้ออกไปจากเมืองเสีย แล้วพวกท่านจะได้รู้ ข้าสาบานว่าข้าจะตัดมือและเท้าของพวกท่านโดยสลับข้างกัน แล้วข้าจะตรึงพวกท่านทั้งหมดไว้ (ที่ต้นอินทผลัม)” (อัลอะอฺรอฟ / 123-124) ทว่า พวกเขาก็หาได้หวั่นไหวต่อคำขู่ของฟิรเอานฺแต่ประการใด
 
จุดยืนของนักมายากลเป็นเช่นไรเมื่อถูกฟิรเอานฺผู้โอหังขู่คำรามอย่างเกรี้ยวกราด ผู้ที่กล่าวกับมนุษย์ว่า “ฉันคือพระเจ้าผู้สูงส่ง” แต่พวกเขาต่างก็ยึดมั่นต่อพระเจ้าแห่งสัจธรรมอย่างมั่นคงเหนียวแน่นดุจดั่งภูผา และพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับฟิรเอานฺอย่างไม่หวาดหวั่น เตรียมตัวพบกับความอธรรมในเบื้องหน้าทุกรูปแบบ พวกเขาวิงวอนร้องขอต่อพระองค์อัลลอฮฺให้พวกเขามีความอดทน พร้อมทั้งยินยอมที่จะแบกรับกับการลงโทษอย่างรุนแรง ยอมจำนนต่อความชั่วร้ายที่ฟิรเอานฺจะมอบให้ด้วยหัวใจที่มีความสงบนิ่ง ซึ่งเห็นได้จากภาพเหตุการณ์ที่พวกเขากล่าวว่า “แท้จริงพวกเราจะกลับไปยังพระเจ้าของพวกเรา  และเขา (ฟิรเอานฺ) จะไม่แก้แค้นพวกเรานอกจากเราศรัทธาต่อบรรดาสัญญาณแห่งพระเจ้าของเราเท่านั้น เมื่อมันได้มายังพวกเรา โอ้พระเจ้าของเราโปรดประทานความอดทนให้แก่พวกเราด้วยเถิด และทรงโปรดให้พวกเราตายในฐานะผู้สวามิภักดิ์ด้วย”  (อัลอะรอฟ / 125-126)
           
สาม ...
ปัญหาหรืออุปสรรคในการดะอฺวะฮฺอีกประการหนึ่งคือเส้นทางการดะอฺวะฮฺเป็นเส้นทางอันยาวไกล ชัยชนะหรือการช่วยเหลือกว่าจะได้รับเป็นช่วงเวลาที่ยาวนาน อัลลอฮฺจะประทานผลลัพธ์สุดท้ายให้แก่บรรดาผู้ที่ยำเกรง และกำหนดชัยชนะหรือการช่วยเหลือให้แก่บรรดานักดาอีย์  ไม่ว่าจะเป็นบรรดารอสูลหรือบรรดาผู้ศรัทธาที่ยึดมั่นปฏิบัติตามจริยวัตรของท่านรอสูลุลลอฮฺ ใช่ว่าชัยชนะหรือการช่วยเหลือนั้นจะเกิดขึ้นได้โดยปล่อยให้กลางวันและกลางคืนหมุนเวียนเปลี่ยนไปเฉยๆ ตามวัฎจักร หรือใช่รอให้ดวงอาทิตย์ขึ้นหลังจากผ่านค่ำคืนอันยาวนานที่ถูกพันธนาการไว้กับความทารุณโหดร้าย ถูกจองจำไปด้วยการทดสอบรูปแบบต่างๆ สับสนตะเกียกตะกายด้วยความหวาดกลัว ชีวิตวิ่งขึ้นมาอยู่ที่คอหอย บรรดาผู้ศรัทธาจะถูกทดสอบอย่างรุนแรงหนักหน่วง ดั่งที่คัมภีร์อัลกุรอานได้บอกเล่าเหตุการณ์ของบรรดามุสลิมในสมรภูมิรบอัลอะหฺซาบมาแล้ว
 
จำนวนเท่าไหร่แล้วที่อัลกุรอานได้ยืนยันถึงความสัจจริงอันนี้ในหลายโองการหลากหลาย สำนวน โดยที่พระองค์ทรงสื่อสารกับบรรดาผู้ที่ศรัทธา ซึ่งคำดำรัสของพระองค์มีความว่า “หรือพวกเจ้าคิดว่าพวกเจ้าจะได้เข้าสวรรค์ ในขณะที่ตัวอย่างของผู้ที่ล่วงลับไปก่อนพวกเจ้ายังมิได้มายังพวกเจ้าเลย ซึ่งบรรดาความลำบากและความเดือดร้อนได้ประสบแก่พวกเขา และพวกเขาได้รับความหวั่นไหว จนกระทั่งรอสูลและบรรดาผู้ศรัทธาซึ่งอยู่กับเขาได้กล่าวขึ้นว่า เมื่อไหร่เล่าการช่วยเหลือของอัลลอฮฺจะเกิดขึ้น ? พึงรู้เถิดว่า การช่วยเหลือของอัลลอฮฺอยู่ใกล้แล้ว”  (อัลบะกอเราะฮฺ / 214)
         
 พวกเขาพูดว่า เมื่อไหร่การช่วยเหลือของอัลลอฮฺจะเกิดขึ้น ? ซึ่งการช่วยเหลือของอัลลอฮฺมาอย่างล่าช้า แต่เขาต้องการให้มันมาถึงอย่างรวดเร็ว ดังนั้นการช่วยเหลือของพระองค์จะมาพร้อมกับการช่วยให้ผู้ถูกอธรรมรอดพ้นจากความโหดร้าย ช่วยให้ผู้ที่ถูกความทุกข์ระทม ความเศร้าโศกครอบงำได้พบกับความสุขอันสถาพร
 
อัลลอฮฺตรัสไว้ความว่า  “จนกระทั่งเมื่อบรรดารอสูลหมดหวัง และคิดว่าตัวพวกเขาถูกปฏิเสธแน่นอนแล้ว เมื่อนั้นการช่วยเหลือของเราก็ได้มายังพวกเขา ดังนั้นผู้ที่เราประสงค์ (บรรดารอสูลและบรรดาผู้ศรัทธา)  ก็ถูกช่วยเหลือให้รอด และการลงโทษจากเราจะไม่ถูกผลักออกจากกลุ่มชนผู้ที่กระทำความผิด”  (ยูซุฟ /110)
 
 

ยูซุฟ อัลเกาะเราะฎอวีย์ เขียน

ยูซุฟ อบูบักรฺ แปล / เรียบเรียง

 

Maintained by: e-Daiyah Group (1429 H - 2008).