Loading

 

กลุ่มชนผู้เข้มแข็ง ผู้มีเกียรติ

พวกเขาดำรงตนในกลุ่มชนและยุคสมัยของพวกเขาอย่างคนแปลกหน้า “เป็นผู้ที่เข้มแข็ง และเป็นผู้ที่มีเกียรติ” พวกเขาจะไม่รู้สึกโดดเดี่ยวอ้างว้าง ถึงแม้ว่าจะมีแนวร่วมอยู่เพียงน้อยนิด และไม่รู้สึกอ่อนแอหรือท้อถอยถึงแม้ว่าฝ่ายทำลายจะมีจำนวนมากกว่า จิตใจของพวกเขาสูงส่งและเตรียมพร้อม พวกเขาเป็นดั่งภูผาอันมั่นคงสูงตระหว่าน เป็นดั่งดวงดาวแห่งศรัทธาที่เปล่งประกายประดับท้องฟ้า หากคนใดในหมู่พวกเขาต้องล้มตายลงเพราะความหิวกระหาย เขาก็จะไม่แบมือร้องขอต่อใคร แม้พวกเขาจะถูกฆ่าทารุณอย่างทรมานเขาก็จะไม่ยอมก้มศีรษะให้กับผู้ที่ต้อยต่ำ พวกเขามองดูผู้ที่ร่ำรวยและมีอำนาจเหมือนดั่งจิตแพทย์ที่มองดูคนไข้ของพวกเขา จะไม่กลัวเกรงผู้ร่ำรวยเหล่านั้น แต่ทว่ารู้สึกสงสารต่อภาระอันหนักอึ้งที่วางอยู่บนแผ่นหลังของพวกเขา และในหัวอกของพวกเขาเหล่านั้นเต็มไปด้วยความป่วยไข้ มองทรัพย์สมบัติที่เขาเหล่านั้นได้แข่งขันกันสะสมด้วยสายตาของผู้ที่รู้ว่ามันมีค่าเพียงเศษวัตถุ “วันที่มัน (เงินทองที่พวกเขาสะสม)จะถูกเผาไปในนรกญะฮันนัม และหน้าผากของพวกเขาและสีข้างของพวกเขาและแผ่นหลังของพวกเขาเราจะทาบด้วยกับมัน นี่แหละคือสิ่งที่พวกเจ้าสะสมไว้เพื่อตัวของพวกเจ้าเอง” (อัตเตาบะฮฺ / 35)

ความเข้มแข็งของพวกเขาเป็นความเข้มแข็งของสัจธรรม และพวกเขากำลังเรียกร้องไปสู่สิ่งนั้น และเกียรติของพวกเขา เป็นเกียรติแห่งอัลลอฮฺ ซึ่งพวกเขาศรัทธามั่นต่อเกียรตินั้น และเกียรติของพวกเขา เป็นเกียรติแห่งอัลลอฮฺ ซึ่งพวกเขาศรัทธามั่นต่อเกียรติอันนั้น “ผู้ใดต้องการเกียรติ ดังนั้นเกียรติทั้งมวลเป็นของอัลลอฮฺ (ฟาฏิร / 10) การมองของพวกเขามองด้วยรัศมีของอัลลอฮฺ การพูดจาของพวกเขา พูดด้วยกับลิ้นของบรรดานบี การเปลี่ยนแปลงของพวกเขาเป็นไปด้วยความสามารถทั้งหมดที่มีอยู่ พวกเขาไม่หลงระเริงอยู่กับคำสรรเสริญเยินยอ และไม่เกรงกลัวต่อคำขู่เข็ญ พวกเขาเป็นดั่งแร่ธาตุ ที่จะไม่หลอมละลายด้วยกับเปลวไฟ และจะไม่ขาดวิ่นด้วยกับการตัดรอนของคมเหล็ก

พวกเขาได้รับการชี้นำจากอัลลอฮฺ ดังนั้นพวกเขาจะไม่หลงผิด พวกเขาได้รับเกียรติด้วยกับศาสนาของพระองค์ ดังนั้นพวกเขาจะไม่ตกต่ำ พวกเขาได้รับชัยชนะด้วยกับพลานุภาพของอัลลอฮฺ ดังนั้นพวกเขาจะไม่มีวันพ่ายแพ้ พวกเขาได้รับความร่ำรวยด้วยกับความร่ำรวยแห่งพระองค์ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ยากจนตลอดไป ศิลปินคนหนึ่งกล่าวว่า


“หากฉันมีชีวิตอยู่ก็มิได้อยู่อย่างคนไร้ปัจจัยยังชีพ
หากฉันต้องตาย ฉันก็จะไม่ตายอย่างคนไร้สุสาน
ความมุ่งมั่นของฉันก็เหมือนดั่งความมุ่งมั่นของบรรดากษัตริย์
ส่วนตัวฉันเป็นชีวิตอิสระ
คอยสอดส่องความตกต่ำของการปฏิเสธศรัทธา
เมื่อปัจจัยยังชีพไม่เพียงพอในชีวิตฉัน
ดังนั้นทำไมฉันต้องไปเกรงกลัวซัยด์และอุมัรด้วยเล่า?”

 

กลุ่มชนที่เมื่อพวกเขาตกอยู่ในวังวนของการทดสอบ พวกเขาจะไม่อ่อนแอพ่ายแพ้ ไฟแห่งการทดสอบจะไม่สามารถเผาผลาญเขาได้ พลังในตัวของพวกเขาจะไม่ดับมอด การทดสอบจะไม่มีชัยเหนือความอดทนของพวกเขา จะไม่ทำให้ความมุ่งมั่นของพวกเขาเหือดแห้ง ไม่ทำให้ความหวังของพวกเขาเลือนหาย หากแต่มันคือโอกาสที่จะซักฟอกขัดเกลาจิตใจของพวกเขาให้เข้มแข็ง เป็นตัวแยกแยะคนในสังคม ทบทวนตัวเองอยู่ตลอดเพื่อเตรียมการสำหรับวันพรุ่ง ไม่รู้สึกตกต่ำ ไม่อ่อนแอหรือพ่ายแพ้ ไม่ยอมสยบต่อสิ่งใด แบบอย่างของพวกเขาในเรื่องดังกล่าวเหมือนแนวทางแห่งกลุ่มชนของพระผู้อภิบาล ซึ่งอัลลอฮฺได้กล่าวสรรเสริญพวกเขาในคัมภีร์ของพระองค์ความว่า “และกี่มากน้อยแล้วจากบรรดานบี ที่กลุ่มชนจำนวนมากได้ร่วมต่อสู้กับเขา และพวกเขามิได้ท้อแท้ต่อสิ่งที่มาประสบกับพวกเขาในหนทางของอัลลอฮฺ และพวกเขาหาได้อ่อนกำลังลง และพวกเขาไม่ยอมสยบต่อสิ่งใด และอัลลอฮฺจะทรงรักใคร่บรรดาผู้ที่อดทน และคำพูดของพวกเขาไม่ได้ปรากฏเป็นอื่นใดนอกจากพวกเขาเหล่านั้นกล่าวว่า โอ้พระผู้อภิบาลของเรา โปรดทรงอภัยโทษให้กับเราด้วยเถิดจากบรรดาความผิดของพวกเรา และการที่พวกเรากระทำเกินเลยในกิจการของพวกเรา และโปรดทำให้เท้าของพวกเรามั่นคงอยู่ และทรงช่วยเหลือพวกเราให้มีชัยชนะเหนือบรรดาผู้ปฏิเสธด้วยเถิด แล้วอัลลอฮฺก็ทรงประทานให้แก่พวกเขาซึ่งผลตอบแทนแห่งโลกนี้ และผลตอบแทนแห่งอาคิเราะฮฺ และอัลลอฮฺนั้นทรงรักใคร่ผู้ประกอบคุณงามความดีทั้งหลาย” (อาละอิมรอน / 146-148)

เหตุผลข้างต้นทำให้เขามีชัยชนะเหนือการทดสอบ เขาจะเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาส และเขาจะก้าวพ้นการทดสอบอย่างผู้มีความปรีชาสามารถ และสะอาดยิ่ง ดั่งพจนารถแห่งศาสดา “อุปมาผู้ที่ศรัทธาเมื่อประสบกับภัยพิบัติ อุปมาดั่งเหล็กที่ถูกไฟไหม้ ส่วนที่ไม่ดีจะละลายและคงไว้แต่ส่วนที่ดี” ส่วนบรรดาผู้ที่ก้มศีรษะให้กับผู้อื่นเวลาเผชิญหน้ากับบรรดาผู้ที่โอ้อวด จะทำให้พวกเขาตกอยู่ในสภาพที่อ่อนแอ ตัวลีบด้วยกับเหตุผลสองประการ หนึ่ง-กลัว สอง-ละโมบ สำหรับชนในยุคแห่งชัยชนะนั้นเขาจะปิดประตูแห่งความกลัวที่เกิดขึ้นในหัวใจของพวกเขา เขาจะไม่หวนกลับไปกลัวต่อสิ่งใดนอกจากอัลลอฮฺและวันอาคิเราะฮฺ เช่นกัน พวกเขาจะปิดประตูของความละโมบที่จะแง้มเปิดขึ้นในหัวใจของพวกเขา พวกเขาจะไม่ปล่อยให้มันสถิตอยู่ในหัวใจของพวกเขา นอกจากความละโมบในความต้องการการอภัยโทษจากอัลลอฮฺ และละโมบปรารถนาอยากได้สวรรค์ของพระองค์ ที่ได้ถูกเสนอไว้ทั้งผืนฟ้าและแผ่นดิน พวกเขาจะไม่เกรงกลัวต่อความตาย เพราะมันคือปลายทางที่ถูกกำหนดไว้แล้ว และไม่ทุกข์ใจในเรื่องปัจจัยยังชีพ เพราะมันคือส่วนแบ่งที่ถูกจัดสรรไว้แล้วเช่นกัน

บรรดาผู้ที่อธรรมจะไม่สามารถยัดเยียดความอ่อนแอให้เกิดขึ้นในจิตใจของพวกเขาได้ หรือบังคับให้พวกเขาต้องก้มศีรษะให้แก่ผู้ใด ถึงแม้ว่าพวกเขาจะต้องถูกลงทัณฑ์ด้วยแส้ ถึงแม้ต้องลิ้มรสกับความขมขื่น หากผู้อธรรมสามารถยึดครองภายนอกของพวกเขาได้ แต่ก็จะไม่สามารถยึดครองภายในของพวกเขาได้อย่างเด็ดขาด แม้ผู้ปฏิเสธจะกักขังเรือนร่างของพวกเขาไว้ แต่เขาเหล่านั้นก็จะไม่สามารถกักขังกันจิตวิญญาณที่ถวิลหาอิสลามของเขาและเมื่อพวกเขาต้องเผชิญหน้ากับบรรดาทหารของฟิรเอาน์ ที่พยายามเข่นฆ่าหรือยึดตรึงพวกเขา พวกเขาก็จะกล่าวเหมือนดั่งที่บรรดานักไสยศาสตร์กล่าวกับฟิรเอาน์ขณะที่ได้ยอมศรัทธาต่ออัลลอฮฺแล้วว่า “ท่านจงกระทำในสิ่งที่ท่านต้องการจะกระทำเถิด แท้จริงท่านจะกระทำได้ในชีวิตแห่งโลกนี้เท่านั้น” (ฏอฮา / 72)

และด้วยเหตุผลใดเล่าที่ศัตรูผู้โอหังจะสามารถจับกุมคุมขังพวกเขาได้ในเมื่อพวกเขาดำรงอยู่ในกระแสธารแห่งบททดสอบนั้นเสมือนหนึ่งการโยนทองคำแท้เข้าไปในกองไฟ การทดสอบมิได้มีผลอะไรแก่พวกเขานอกจากจะยิ่งเพิ่มความบริสุทธิ์ผุดผ่อง และอีมานอันมั่นคงให้เกิดขึ้น เฉกเช่นเดียวกับเชื้อเพลิงที่ได้เพิ่มความแวววาวให้กับทองคำแท้

แล้วจะมีอะไรเล่าที่ผู้อธรรมสามารถยึดครองหัวใจของผู้ศรัทธาได้ เมื่อพวกเขารู้สึกมีความสุขใจอยู่กับความทุกข์ทรมานเพื่อปกป้องอากีดะฮฺของพวกเขาเสียแล้ว และพวกเขาพร้อมที่จะลิ้มรสชาติของความขมขื่นเพื่อช่วยเหลืองานดะวะฮฺ เขาได้ให้สมญานามแห่งการถูกขับไล่ว่าคือการอพยพหนทางของอัลลอฮฺ การถูกคุมขังเป็นการปลีกตัวเพื่อสวามิภักดิ์ต่อพระองค์อัลลอฮฺ การถูกฆ่าเป็นการตายในหนทางของอัลลอฮฺ

Maintained by: e-Daiyah Group (1429 H - 2008).