Loading

 

คุณลักษณะของชนกลุ่มนี้ที่ปรากฏอยู่ในอัลกุรอานและซุนนะฮฺ

คุณลักษณะของชนกลุ่มนี้จะไม่ถูกปกปิดหรือซ่อนเร้นแก่ผู้ที่อ่านอัลกุรอานและศึกษาอัลหะดีษแต่อย่างใด ผู้ใดที่อ่านคัมภีร์ของอัลลอฮฺ ก็จะพบกับพวกเขาได้ในหลาย ๆ ซูเราะฮฺ หรือ หลาย ๆ อายะฮฺ จะพบพวกเขาในซูเราะฮฺ อัลอะอฺรอฟ ขณะที่อ่านคำดำรัสของพระองค์ ความว่า “และส่วนหนึ่งจากผู้ที่เราบังเกิดขึ้นนั้น ซึ่งพวกเขาแนะนำด้วยความจริง และด้วยความจริงนั้นพวกเขาปฏิบัติโดยเที่ยงธรรม” (อัลอะอฺรอฟ / 181) ดังนั้นสัจธรรม คือ เป้าหมายของพวกเขา สัจธรรม คือ แนวทาง สัจธรรม คือ ที่ที่พวกเขาจะต้องกลับไปสู่ และเป็นสิ่งที่พวกเขาเรียกร้อง โดยมีแสงทองแห่งสัจธรรมเป็นทางนำ ด้วยกับบทบัญญัติแห่งความสัตย์จริง คือ สิ่งที่พวกเขาจะนำมาสถาปนาความยุติธรรมขึ้น.


ในเราะฮฺอัลมาอิดะฮฺ อัลลอฮฺได้แจ้งข่าวดีแก่บรรดาผู้ที่ศรัทธา พร้อมได้เตือนสำทับให้พวกเขาได้ระวังต่อบรรดาผู้ที่อยู่นอกศาสนา เพื่อพระองค์ได้ตระเตรียมพวกเขาไว้เพื่อเผชิญหน้ากับพวกนอกศาสนาในยุคที่โลกใกล้ถึงคราวอวสาน เพื่อให้พวกเขาได้ยืนหยัดหนักแน่นอยู่ในศาสนาของพระองค์ “โอ้บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย ผู้ใดในหมู่ของพวกเจ้าออกจากศาสนาของพวกเขา อัลลอฮฺจะทรงนำมาซึ่งพวกหนึ่งซึ่งอัลลอฮฺทรงรักพวกเขา และพวกเขาก็รักพระองค์ เป็นผู้นอบน้อมถ่อมตนต่อบรรดามุมิน ไว้เกียรติแก่บรรดาผู้ที่ปฏิเสธศรัทธา และเขาจะเสียสละและต่อสู้ในหนทางของอัลลอฮฺ และไม่กลัวของตำหนิของบรรดาผู้ที่ตำหนิ และเขาจะเสียสละและต่อสู้ในหนทางของอัลลอฮฺ และไม่กลัวการตำหนิของบรรดาผู้ที่ตำหนิ ดังกล่าวคือความโปรดปรานของอัลลอฮฺ ซึ่งพระองค์จะทรงประทานมันให้แก่บรรดาผู้ที่พระองค์ และอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงกว้างขวาง รอบรู้” (อัลมาอิดะฮฺ / 45) นี่คือคุณลักษณะอันโดดเด่นของพวกเขา พวกเขาจะอยู่ร่วมกับอัลลอฮฺด้วยความรักอันพิสุทธิ์ จะอยู่ร่วมกับบรรดาผู้ที่ศรัทธาด้วยกับความนอบน้อมถ่อมตน และจะอยู่ร่วมกับบรรดาผู้ปฏิเสธด้วยกับความเข้มแข็งและมีเกียรติ จะยืนอยู่บนสัจธรรมด้วยการญิฮาด (ต่อสู้) โดยปราศจากเป้าหมายอื่นใดนอกจากการเสียสละเพื่อหนทางของอัลลอฮฺ และอยู่ร่วมกับเพื่อนมนุษย์ด้วยกับการบอกกล่าวตักเตือนด้วยความห่วงใย หวังดี โดยไม่เกรงกลัวผู้ใด หากเขาได้ตักเตือนในเรื่องของอัลลอฮฺ.

ในซูเราะฮฺอัตเตาบะฮฺ ได้บอกล่าวถึงกลุ่มชนอีกกลุ่มชนหนึ่ง คือบรรดามุนาฟิก ซึ่งมีลักษณะที่แตกต่างจากพวกเขา “บางส่วนของพวกเขาต่างมาจากอีกบางส่วน ซึ่งพวกเขาใช้ให้กระทำในสิ่งที่ไม่ชอบธรรม และห้ามปรามในสิ่งที่ชอบธรรม และกำมือของพวกเขาไว้” (อัตเตาบะฮฺ / 67) ส่วนลักษณะเด่นของพวกเขา เป็นผู้ที่ทุ่มเทเสียสละในหนทางของอัลลอฮฺ ดังที่พระองค์ได้บอกถึงคุณลักษณะของพวกเขาไว้ “และบรรดาผู้ศรัทธาชาย บรรดาผู้ศรัทธาหญิงนั้น บางส่วนของพวกเขาต่างเป็นผู้ช่วยเหลืออีกบางส่วน ซึ่งพวกเขาจะให้ให้ปฏิบัติในสิ่งที่ดีงาม และห้ามปรามในสิ่งที่ชั่วร้าย และพวกเขาจะดำรงไว้ซึ่งการละหมาดและการจ่ายซะกาต และภักดีต่ออัลลอฮฺและรอซูลของพระองค์ ชนกลุ่มนี้แหละอัลลอฮฺจะทรงเอ็นดูเมตตาพวกเขา แท้จริงอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงเดชานุภาพผู้ทรงปรีชาญาณ” (อัตเตาบะฮฺ/75)

เราจะพบพานพวกเขาในตอนต้น ๆของซูเราะฮฺอัลบากอเราะฮฺ โดยที่พระองค์ได้ทรงกล่าวถึงคุณลักษณะของกลุ่มชนผู้ศรัทธา ผู้ที่ได้รับทางนำด้วยกับคัมภีร์แห่งพระผู้เป็นเจ้า และในตอนกลางของซูเราะฮฺพระองค์จะบอกกล่าวถึงกลุ่มชนแห่งคุณธรรมอย่างแท้จริงไว้ “ชนเหล่านี้แหละคือผู้พูดจริง และชนเหล่านี้แหละคือผู้ที่มีความยำเกรง” (อัลบากอเราะฮฺ/177) และเช่นกัน ตอนต้นของซูเราะฮฺอัลมุมินูน พระองค์ได้รับรองไว้ว่าพวกเขาจะได้เป็นทายาทแห่งฟิรดาวส์(สวรรค์ชั้นบรมสุข) ในตอนท้ายของซูเราะฮฺอัลฟุรกอนซึ่งเป็นการชี้แจงถึงลักษณะของ “ปวงบ่าวแห่งพระผู้ทรงเมตตา” ในซูเราะฮฺอัรเราะดุ อัลลอฮฺได้บอกถึงลักษณะเด่นของพวกเขาคือเป็นชนผู้ใช้สติปัญญาใคร่ครวญ ในตอนท้ายของซูเราะฮฺอัลหุญุรอต โดยที่พระองค์ได้ลงบัญญัติมาเพื่อโต้ตอบอาหรับชนบทที่เคลือบแคลงสงสัยในเรื่องของการศรัทธา และกล่าวอ้างโดยไม่ปฏิบัติ “แท้จริงบรรดาผู้ศรัทธานั้น คือบรรดาผู้ที่ศรัทธาต่ออัลลอฮฺ และรอซูลของพระองค์ แล้วพวกเขาไม่สงสัยเคลือบแคลงใจ แต่พวกเขาเสียสละต่อสู้ด้วยทรัพย์สมบัติของพวกเขา และชีวิตของพวกเขาไปในหนทางของอัลลอฮฺ ชนเหล่านี้แหละคือผู้ที่สัตย์จริง” (อัลหุญูรอต/15)

และหากใครเปิดอัลกุรอาน แล้วอ่านซูเราะฮฺอัลฟาติหะฮฺ จะปรากฏคุณลักษณะอันโดดเด่นของพวกเขาโดยจะพบความสูงส่งของพวกเขาในหนังสือ “มะดาริญุสสาลิกีนฯ” สู่คำดำรัสแห่งอัลลอฮฺที่ว่า “เฉพาะพระองค์เท่านั้นที่เราภักดี และเฉพาะพระองค์เท่านั้นที่เราขอความช่วยเหลือ” (อัลฟาติหะฮฺ/5) พวกเขาคือชาวเตาฮีตอย่างแท้จริง เป็นกลุ่มชนที่เคารพภักดีต่ออัลลอฮฺแต่เพียงผู้เดียว ขอความช่วยเหลือต่อพระองค์เท่านั้น ไม่เคารพภักดีต่อสิ่งอื่นใด และไม่ขอความช่วยเหลือจากใคร เขามอบหมายความหวัง ความฝันทั้งชีวิตของพวกเขาไว้ ณ พระองค์ และยังพระองค์คือที่ที่เขากลับไป.

สิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพวกเขาคือ การมุ่งกลับไปหาพระองค์ พวกเขาจะวอนขอต่อพระองค์อัลลอฮฺเท่านั้น เส้นทางของพวกเขาคือเส้นทางอันเที่ยงธรรมแห่งพระผู้สร้าง เป็นเส้นทางซึ่งพระองค์ทรงคัดสรรเป้นของกำนัลให้แก่บรรดานบี ผู้สัตย์จริง ผู้ที่เสียสละในหนทางของอัลลอฮฺ และบรรดาคนดีทั้งหลาย ห่างไกลออกจากหนทางของผู้ที่ถูกกริ้ว และหนทางของผู้ที่หลงผิด – ผู้ที่ถูกกริ้วคือ ยิว และผู้ที่หลงผิด คือ คริสเตียน เส้นทางของพวกเขาคือเส้นทางที่เลอเลิศกว่าเส้นทางของทั้งสองกลุ่มนี้อย่างเปรียบมิได้.

ผู้ใดได้ศึกษาหาความรู้ ค้นคว้าซุนนะฮฺ และอ่านหะดีษอัชชารีฟ จะพบพวกเขาด้วยกับดวงตาแห่งหัวใจ มองเห็นอย่างชัดเจน ไร้ความมืดมน รู้จักพวกเขาอย่างละเอียดยิ่ง เสมือนท่านบีเห็นพวกเขาอยู่เบื้องหลังความเร้นลับ และท่านได้พูดถึงพวกเขาและวางพวกเขาไว้เบื้องหลังเพื่อเป็นตัวอย่าง และได้แจ้งข่าวดีแก่พวกเขาไว้อย่างชัดเจน พวกเขาเป็นกลุ่มชนที่ได้รับความสำเร็จ ซึ่งอยู่ท่ามกลางความล่มสลายของ 72 จำพวก และไม่คล้อยตามอารมณ์ใฝ่ต่ำเหมือนสุนัขที่เดินตามก้นของเจ้าของ และพวกเขาจะไม่หันเหออกจากศาสนา เหมือนที่ลูกศรหลุดออกจากรังธนู แต่ทว่าพวกเขายึดมั่นเหมือนกับท่านรอซูลุลลอฮฺและบรรดาสาวกของท่าน.

จะพบได้ว่ากลุ่มของพวกเขาเป็น “กลุ่มชนผู้ที่มีความยุติธรรม” พวกเขาเป็นบรรดาผู้ที่แบกรับมรดกแห่งท่านนบี เป็นนักเผยแผ่ที่ตะโกนเสียงเรียกร้อง พวกเขาเป็นผู้ที่รักษาอามานะฮฺไม่ใช่เป็นเหมือนบรรดา “ผู้ที่ได้รับคัมภีร์เตารอต และพวกเขามิได้ปฏิบัติตามที่พวกเขาได้รับมอบประดุจดั่งลาที่แบกหนังสือจำนวนหนึ่ง(ไว้บนหลังของมัน)” (อัลญุมุอะฮฺ/5) และไม่เป็นเหมือนที่พระองค์ทรงประทานโองการต่าง ๆ ให้แก่พวกเขาแล้วพวกเขาได้ถอนตัวออกจากโองการเหล่านั้น ดังอายะฮฺที่ 175 ซูเราะฮฺอัลอะอฺรอฟ พวกเขายังคงดำรงอยู่บนกระแสธารของมรดกดั้งเดิมอันบริสุทธิ์อย่างมีดุลยภาพ และครอบคลุม และพวกเขาจะปฏิเสธการบิดเบือนอย่างเลยเถิด การดัดแปลงที่เป็นโมฆะ และการตีความของพวกงมงาย.

จะพบได้ในกลุ่มของพวกเขานั้นเป็นพี่น้องของท่านรอซูลุลลอฮฺในโลกของอาคิเราะฮฺ ซึ่งศอฮาบะฮฺของพวกเขาในยุคแรกกำลังถามถึงตั้งหน้าตั้งตารอพวกเขาอยู่ มีความหวังที่จะเห็นพวกเขาตั้งแต่พวกเขายังไม่อุบัติขึ้น ดังหะดีษ ท่านรอซูลได้
กล่าวว่า “ฉันรักที่จะเห็นพี่น้องของฉัน...” บรรดาศอฮาบะฮฺกล่าวว่า “แล้วพวกเราไม่ใช่พี่น้องของท่าหรือ โอ้ท่านรอซูลุลลอฮฺ ?” ท่านรอซูลตอบว่า “พวกท่านคือสาวกของฉัน ส่วนพี่น้องของฉันคือ กลุ่มชนที่มาหลังจากนี้”

จะพบได้ว่า กลุ่มของพวกเขาเป็น “คนแปลกหน้า” คือบรรดาผู้ที่รักที่จะทุ่มเทลงบนวิถีของบรรดานบี และเป็นผู้ที่มาแก้ไขความเสื่อมเสียที่ก่อตัวอยู่บนผืนพิภพ ดังนั้น “ฏูบา” จะเป็นรางวัลสำหรับพวกเขา จะพบได้ว่ากลุ่มชนของพวกเขาเป็น “กลุ่มผู้มีอีมานศรัทธาอย่างน่าฉงนใจ” เป็นบรรดาผู้ที่ศรัทธามั่นต่อรอซูลของพระองค์ ทั้ง ๆ ที่พวกเขาไม่เคยเห็นท่าน ศรัทธามั่นต่อคัมภีร์อัลกุรอานและปฏิบัติตามโดยนอบน้อม จะพบได้ว่ากลุ่มชนของพวกเขาเป็น “ผู้ยึดมั่นเคร่งครัดต่อศาสนาของพวกเขา” ในค่ำคืนแห่งความโหดร้าย (ฟิตนะฮฺ) – ยืนหยัดอย่างไม่สะทกสะท้านท่ามกลางกลุ่มชนผู้หลงผิด ถึงแม้ว่าพวกเขาเป็นดั่ง “ผู้ที่กำเถ้าถ่านไว้ในมือ” เป็นผู้นำครรลองอิสลามมาปฏิบัติในคืนวันที่ต้องใช้ความอดทนอย่างสูง แม้นจะมีผู้มาขวางกั้นหรือมายุแหย่ แต่มิได้เป็นอุปสรรคแก่พวกเขาแต่ประการใด เพราะการยืนหยัดของพวกเขามีภาคผลบุญเท่ากับการยืนหยัดของ 50 ศอฮาบะฮฺ จะพบว่ากลุ่มของพวกเขา เป็น “กลุ่มชนที่ดำรงไว้ซึ่งสัจธรรม” ยืนหยัดอยู่ท่ามกลางความหลงผิด เป็นผู้เรียกร้องกลุ่มชนที่หลงผิดสู่การปฏิบัติตามครรลองอิสลาม เดินสายกลางระหว่างความเลยเถิดกับความหย่อนยาน เป็นผู้เดินตามเส้นทางอันเที่ยงธรรม รอดพ้นจากกลุ่มที่ถูกกริ้วและพวกที่หลงผิด จะพบได้ว่ากลุ่มของพวกเขาเป็น “กลุ่มชนที่ได้รับชัยชนะ” ซึ่งจะช่วยกันปลดปล่อยปาเลสไตน์ด้วยกับน้ำมือของพวกเขา โดยการส่งมอบความปราชัยให้แก่ยะฮูดีย์ และจัดระเบียบให้กับพี่น้องมุสลิมทั้งผองได้อยู่ในแถวเดียวกัน จนกระทั่งต้นไม้ ก้อนกิน จะคอยช่วยเหลือพวกเขา โดยมิต้องใช้คำพูด หรืออาจจะพูดขึ้นด้วยลิ้น โดยกล่าวว่า “โอ้มุสลิม...โอ้บ่าวของอัลลอฮฺ นี่ยะฮูดีย์ซ่อนอยู่ข้างหลังฉัน มาเถิด...จงมาฆ่าพวกเขาเสีย” (หะดีษบุคอรี – มุสลิม”

Maintained by: e-Daiyah Group (1429 H - 2008).